28 สิงหาคม 2563
13
เวลานี้คนจำนวนหนึ่งอกสั่นขวัญแขวนกับคำว่า “ทัวร์ลง” จะพูดจะแสดงความคิดเห็นหรือแม้แต่ให้การสนับสนุนสินค้า รายการหรือบุคคลใด
จะต้องคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน มิให้มีคนที่คิดเห็นแตกต่างทางการเมืองมาเหมารวมว่า เป็นฝ่ายตรงข้าม และใช้วีธีการหรือยุทธวิธีที่เข้ามาโจมตี ให้ร้ายกระทั่งหลายคนต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ที่ทำอยู่ หรือให้สปอนเซอร์ในรายการถอนตัวออกไป
กรณีเดียวกันเกิดขึ้นในหลายสถาบัน เวลานี้ หากไปสอบถามจุดยืนทางการเมืองของนักเรียนนิสิตนักศึกษาบางแห่ง จะพบว่า พวกเขาจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่กล้าแสดงความชัดเจนว่าตนเองยืนอยู่ ณ จุดใดบนความคิดเห็นทางการเมืองที่แบ่งแยกแตกต่างกันในปัจจุบัน เพราะเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทราบมาจากบุคคลที่ได้มีโอกาสสอบถาม เขาแจ้งว่า ตนเองกลัวได้รับผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ (bullying) โดยทั้งบุคคลที่มีอำนาจเหนือตนและเพื่อนร่วมสถาบัน เพราะหากไปให้ความเห็นต่างกับคนส่วนใหญ่จะถูกมองว่าสวนกระแส และอาจไม่ได้รับการคบหาสมาคมหรืออาจได้ผลร้ายในทางใดทางหนึ่ง
สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวกระทบต่อเนื่องไปถึงสถาบันครอบครัว เนื่องด้วยในหลายครอบครัว ความคิดเห็นของผู้นำในครอบครัวและบุตรหลานอาจไม่ลงรอยกัน มองเรื่องเดียวกันด้วยมิติมุมมองที่ต่างกันมาก แม้แต่การที่มีคลิปว่าด้วยความรักความผูกพันของแม่กับลูกซึ่งจ้ดทำโดยองค์กรเอกชน และทางสถานีโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ได้นำไปเผยแพร่ ก็ยังถูกผู้ไม่เห้นด้วยจัดทัวร์ไปลง และกล่าวหาด้วยข้อมูลที่ผิดพลาดว่าเป็นคลิปที่ทำขึ้นโดยองค์กรของรัฐ
ความเกลียดชังทางคำพูด (hate speech) กลายเป็นธรรมเนียมนิยมของการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่วาทกรรมต่างๆ ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดความแตกแยกและทำลายซึ่งกันและกัน การยื่นข้อเสนอกำหนดเส้นตายในเรื่องต่างๆ ของกลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกสภา เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายเชื่อกันถึงกระบวนการทางการเมืองที่มีการจัดตั้ง ซึ่งไม่มีกฎหมายห้ามไว้ด้วยเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
แต่เสรีภาพเหล่านั้นกำลังใช้เพื่อปิดปากหรือ “ผลัก” ให้คนเห็นต่างกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามโดยปริยาย คนที่มองการเมืองวันนี้มองเห็นความไม่เด็ดขาดในการจัดการแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่หยั่งรากลึก การเปิดเสรีภาพให้กว้างขวางเป้นสิ่งดีงาม แต่ในสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจอยู่เบื้องหลังความร้อนแรงของกิจกรรมทางการเมืองในขณะนี้ อาจเคยได้รับผลจากข้อกฎหมายรวมทั้งการถูกดำเนินคดีต่างๆ จากพฤติกรรมในอดีต
หลายคนจึงเห็นว่า บนความบริสุทธิ์ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียนนักศึกษา อาจเป็นด้วยมีที่มาจาก ความคับข้องใจและคนส่วนใหญ่รวมทั้งนักการเมืองอาจเข้าใจว่า การยึดอำนาจของ คสช เมื่อปี 2557 น่าจะเป็นการเข้ามาแก้ปัญหาในระยะสั้นและคงจะมีการผ่องถ่ายอำนาจออกไปให้กับประชาชนในเวลาที่รวดเร็ว แต่เมื่อ คสช อยู่ในอำนาจเบ้ดเสร็จราวห้าปี และยังสามารถกลับมา “นำ” ทางการเมืองได้อีก จึงมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเชื้อปะทุที่สำคัญ ด้วยกลไกทางการเมืองขณะนี้ยังเอื้อต่อการเข้าสู่อำนาจของกลุ่ม คสช เดิมอย่างไม่ลำบากยากเย็นนัก และหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป การเข้าสู่อำนาจรัฐของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในปัจจุบันจะมีความยากลำบากมากขึ้นไปอีก ผลประโยชน์โภชน์ผลที่เคยได้ รวมทั้งอำนาจที่จะทำให้ได้มาอีกหลายสิ่งหลายอย่างเป็นที่ปรารถนาของนักการเมืองอย่างไม่ต้องปฎิเสธใดๆ
นักวิชาการบางส่วนและผู้เสียประโยชน์จากกลไก โครงสร้างทางการเมืองในปัจจุบัน จึงเสมือนเครื่องมือในเชิงยุทธศาสตร์ เพราะหลายกลุ่มหลายพวกอยู่ในสถานะเป็นที่เชื่อถือของสังคม และมีต้นทุนทางสังคมสูงกว่าคนกลุ่มอื่นๆ การผลักดันเรื่องต่างๆ จึงมีน้ำหนัก การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยการเสนอจัดตั้ง สสร หรือ สภาร่างรัฐธรรมนูญ นั้น ขอเรียนว่าไม่มีความจำเป็นและจะกลายเป็น “มากหมอมากความ” จะได้ประโยชน์คือทำให้ฝ่ายการเมืองสามารถตอบแทนคนของตนเองด้วยตำแหน่งอันทรงเกียรติ แต่หากต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงไม่กี่มาตราที่จำเป็น หรือมิได้ต้องการร่างใหม่ทั้งฉบับ การตั้ง สสร ไม่มีความจำเป็นเลย
จึงมองเห็นเค้าลางความขัดแย้งที่จะลากยาวต่อไป แม้ว่า ม๊อบ หรือ ผู้ร่วมชุมนุมอาจได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ตาม เพราะรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดที่มีผู้ได้รับผลกระทบมากมายหลายกลุ่ม การเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นประเด็นนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่และนำคนลงถนนกันอีกครั้งหนึ่ง อาจมีการเผชิญหน้าถึงขั้นลุกลามบานปลาย เป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งเมื่อ “อำนาจ” กลายเป็นเป้าหมายสุดท้ายของทุกฝ่ายทั้งที่ต้องการรักษาอำนาจไว้ และต้องการได้มาซึ่งอำนาจ แต่เราในฐานะประชาชนจะต้องรู้เท่าทันกลอุบายทั้งหลาย ช่วยกันค้ำจุนรักษาความมั่นคงของประเทศไทยให้มั่นคงยั่งยืนสืบต่อไป
August 27, 2020 at 06:31PM
https://ift.tt/2EGz4U8
ประเทศไทยจะต้องคงอยู่ต่อไป | ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ - กรุงเทพธุรกิจ
https://ift.tt/2TVOisZ
Home To Blog
No comments:
Post a Comment