นายกรัฐมนตรีเตรียมพิจารณาว่าจะต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปหรือไม่ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. พรุ่งนี้ (22 ก.ค.) พร้อมกับยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ใช้กฎหมายฉบับนี้เพื่อสกัดการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเยาวชนที่มีรายงานว่าจะจัดขึ้นอีกหลายครั้งในหลายพื้นที่ในช่วงนี้
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (21 ก.ค.) ว่า ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เขาจะพิจารณาอีกครั้งถึงความจำเป็นของการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินในการควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในการประชุมประจำสัปดาห์ในวันพรุ่งนี้
คำยืนยันเรื่องการพิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก. ฉุกเฉินของนายกฯ มีขึ้นภายหลังจากมีรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ "ศบค. ชุดเล็ก" ได้ข้อสรุปเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.) ว่าจะเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่จะหมดอายุวันที่ 31 ก.ค. นี้ ต่อไปอีก 1 เดือน
"เรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พรุ่งนี้จะมีการประชุมกันอีกครั้งหนึ่งว่ามันมีความจำเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ พ.ร.ก.ฉบับนี้มีไว้เพื่ออะไร ผมเคยพูดมาหลายครั้งแล้วว่าหลายกฎหมายมันไม่ครอบคลุม ผมไม่ได้เอากฎหมายไปยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมอะไรทั้งสิ้นเลย ไม่เกี่ยวเลย พ.ร.บ.ชุมนุมการชุมนุมสาธารณะก็มีอยู่แล้ว ผมไม่ต้องไปสั่งการอะไรเพิ่มเติม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เป็นห่วงความเคลื่อนไหวทางการเมืองของเยาวชน
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า เขาเป็นห่วงกังวลการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชน จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะเขาเห็นใจบรรดาเด็ก ๆ เยาวชน นิสิตนักศึกษา และมีความเป็นห่วงเยาวชนเหล่านี้แทนผู้ปกครองด้วย
"ก็ระมัดระวังการละเมิด ก้าวล่วง ผมคิดว่าประชาชนคงไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ไม่สมควรจะเกิดสำหรับประเทศไทยของเรา ผมจะไม่พูดมากในเรื่องเหล่านี้ ไม่ต้องการให้เป็นประเด็น ส่วนเรื่องข้อเรียกร้อง 3 ข้อก็ไปเสนอกันในสภา ตั้งคณะกรรมาธิการอะไรก็ว่าไป มีอยู่แล้ว"
ทั้งนี้ กลุ่มนักเรียนนิสิตนักศึกษาได้เริ่มชุมนุมต่อต้านรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์มาตั้งแต่ต้นปี 2563 ด้วยการจัดแฟลชม็อบในมหาวิทยาลัย แต่ได้หยุดกิจกรรมไปเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนจะกลับมานัดชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 18 ก.ค. หลังเกิดเหตุการณ์ที่เด็กหนุ่มสองคนถูกตำรวจควบคุมตัวขณะถือป้ายประท้วง พล.อ. ประยุทธ์ระหว่างลงพื้นที่ จ.ระยอง
โดยกลุ่มเยาวชนที่เรียกตัวเองว่า เยาวชนปลดแอกหรือกลุ่ม FreeYOUTH และสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดชุมนุมได้ประกาศว่าจะกลับมาทวงคำตอบข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชนและร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ในอีกสองสัปดาห์หรือช่วงวันที่ 1 ส.ค.
ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในระยองและกรุงเทพฯ
ในการแถลงข่าวสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ประจำวันนี้ (21 ก.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปิดเผยว่า ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อที่คาดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงในสถานที่ต่าง ๆ จากกรณีของทหารอียิปต์ใน จ.ระยอง และกรณีลูกของอุปทูตซูดานในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา
โฆษก ศบค.ระบุว่า ใน จ. ระยองมีผู้เข้าตรวจแล้ว 6,780 ราย แต่ไม่พบเชื้อ ส่วนในกรุงเทพฯ ที่มีการตรวจเชื้อไปแล้ว 7,144 ราย ก็ไม่พบเชื้อเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ศบค.ชุดเล็ก ยังพยายามใช้กรณีระยองเป็นกรณีศึกษาในเรื่องการบริหารจัดการ โดยมีแนวความคิดเรื่อง การปิดเป็นส่วน ๆ หรือ "target lockdown" โดยมีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน นายแพทย์สาธารณสุขเป็นเลขานุการ และหน่วยงานต่าง ๆ ภายในจังหวัดสามารถปรึกษากันเพื่อใช้ข้อมูลรอบด้านก่อนตัดสินใจ ถือเป็นการกระจายอำนาจในการบริหารจัดการสถานการณ์ ในขณะที่อาจจะให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำข้อควรปฏิบัติเพื่อให้แต่ละจังหวัดและส่วนราชการพิจารณา ก่อนที่จะมีคำสั่งหรือประกาศที่จะส่งผลกระทบต่าง ๆ
พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 5 ราย
สำหรับตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสม ณ วันนี้ (21 ก.ค.) มีจำนวน 3,255 รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 92 ราย ผู้ที่รักษาหายไปแล้ว 3,105 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 58 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้แก่ ชายไทยอายุ 26 ที่เดินทางมาจากญี่ปุ่นถึงไทยเมื่อวันที่ 7 ก.ค. โดยผ่านการคัดกรองที่ด่านตรวจหาเชื้อ แต่ผลที่ได้ไม่พบเชื้อ จึงให้เข้าพักในศูนย์กักที่รัฐจัดให้ที่กรุงเทพฯ แล้วตรวจหาเชื้ออีกครั้งในวันที 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่าพบเชื้อและมีอาการจมูกไม่ได้รับกลิ่น
อีก 3 รายเป็นนักศึกษาชายไทยอายุ 20 ปี 25 ปี และ 28 ปี เดินทางมาจากอียิปต์ถึงไทยเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ผลตรวจเชื้อในวันที่ 19 ก.ค. ตรวจพบเชื้อแต่ไม่มีอาการ
ส่วนอีก 1 รายสุดท้ายมาจากซูดาน เป็นชายไทยวัย 35 ปี เดินทางมาเมื่อวันที่ 18 ก.ค. โดยผ่านการคัดกรองที่ด่านควบคุมโรคพบว่ามีอาการปวดจากโรคไส้เลื่อน จึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใน จ. สมุทรปราการ และตรวจพบเชื้อในวันที่ 18 ก.ค. แต่ไม่มีอาการ
สำหรับสถานการณ์ของโลก มีการรายงานผู้ป่วยสะสมยืนยันเพิ่มเติม 2.1 แสนคนในรอบ 24 ชั่วโมง ทำให้ตัวเลขรวมสะสมเพิ่มเป็น 15.85 ล้านราย เสียชีวิต 6.13 แสนราย ส่วนประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา บราซิล อินเดีย รัสเซีย และแอฟริกาใต้
ในวันพรุ่งนี้ ศบค. คาดว่าจะพิจารณาการผ่อนคลายระยะที่ 6 ซึ่งภายใต้มาตรการผ่อนคลายดังกล่าวจะอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศทั้งหมด 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
- กลุ่มจัดการแสดงสินค้าในราชอาณาจักร เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
- กลุ่มชาวต่างชาติเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศ
- กลุ่มแรงงาน 3 สัญชาติ ได้แก่ ลาว เมียนมา และกัมพูชาที่จะเข้ามาในอุตสาหกรรมอาหารและก่อสร้าง
- กลุ่มที่เข้ามารักษาโรค (Medical Wellness) ศัลยกรรมเพื่อความสวยงามและการผดุงครรภ์
อย่างไรก็ตาม กลุ่มต่าง ๆ ข้างต้นจะต้องมีการกักตัว 14 วัน
July 21, 2020 at 03:12AM
https://ift.tt/39f0tHS
โควิด-19: ประยุทธ์ยืนยันการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ไม่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง - บีบีซีไทย
https://ift.tt/2TVOisZ
Home To Blog
No comments:
Post a Comment